Printers With Refillable Ink Tanks
เผยแพร่: 28 ต. ค. 2557 11:14 โดย: MGR Online 6 สมุนไพร "ลำไส้" ต้องการ บางครั้งคนเรามักดูแลแต่ภายนอกร่างกาย และหลงลืมการดูแลสุขภาพภายในอยู่บ่อยครั้ง โดยเฉพาะกับระบบย่อยอาหารที่ต้องรับอาหารเข้าไปอยู่ทุกวี่วัน จนบางครั้งอาจเกิดความผิดปกติได้ ไม่ว่าจะเป็นอาการปวดท้อง จุกเสียด และอื่นๆ ดังนั้นหันมารับประทานอาหารที่ประกอบด้วย 6 สมุนไพร ดังต่อไปนี้ เพื่อช่วยป้องกันอาการไม่สบายในลำไส้ของเรากันจะดีกว่า 1. ใบแมงลัก น้ำมันหอมระเหยจากใบแมงลักเป็นยาช่วยย่อยชั้นเซียน ลำไส้ใครไม่ค่อยทำงานจนท้องอืดท้องเฟ้อเป็นประจำ ลองชิมใบแมงลักสักสี่ห้าใบแล้วจะติดใจ นอกจากนั้นยังช่วยขับลมในลำไส้ อาหารไม่ย่อย อาการอึดอัด แน่นไม่สบายท้อง ให้นำต้นและใบแมงลักต้มน้ำดื่ม 2. พริกสด ความเผ็ดซู่ซ่าของพริกคืออยากกระตุ้นให้ร่างกายหลั่งน้ำลายออกมา จากนั้นเอนไซม์ของน้ำลายจะช่วยย่อยแป้งให้อ่อนตัวลง กระเพราะกับลำไส้จะได้ไม่ต้องทำงานโหลดจนเกินไป 3. หอมแดง แค่กินหอมแดงอย่างเดียว ลำไส้คุณก็ยิ้มแล้ว เพราะเท่ากับซื้อหนึ่งได้ถึง สี่ ได้แก่สารฟลาโวนอยส์ ไกลโคไซต์ เพคติน และกลูโคคินิน 4 สารบำรุงลำไส้และช่วยย่อยและทำให้เจริญอาหาร คุ้มกว่านี้มีอีกไหม 4.
หลังผ่าตัดมะเร็งลำไส้ ผู้ป่วยควรได้รับอาหารหลากหลายประเภท ไม่เลือกทาน หรือทานจำเจ ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันหรือโปรตีนสูง ควรเลือกทานอาหารต้านมะเร็งและผักผลไม้ที่อุดมด้วยวิตามินและเกลือแร่ 2. หลังผ่าตัด ควรทานอาหารที่อุดมด้วยวิตามิน เช่น น้ำผลไม้สด ซุปผัก ถ้าทานวิตามินซีที่ได้จากอาหารไม่ถึง 1000 มิลลิกรัม ควรเสริมด้วยยาเม็ดวิตามินซี เพื่อให้ได้ปริมาณ 1000 มิลลิกรัม/วัน 3. การสูญเสียเลือดและสารฮอร์โมนบางชนิดถูกกระตุ้นระหว่างการผ่าตัด มักทำให้ปริมาณความเข้มข้นของโปตัสเซียมในเลือดลดลง ดังนั้นหลังการผ่าตัด ควรเสริมอาหารที่มีโปตัสเซียมสูง เช่น น้ำต้มผัก น้ำต้มผลไม้ทั้งเปลือก เป็นต้น 4. หลังการผ่าตัด ผู้ป่วยมักสูญเสียเลือดไปในระดับที่ต่างกัน ดังนั้นหลังการผ่าตัด อาหารของผู้ป่วยควรมีสรรพคุณที่เสริมสร้างเม็ดเลือดได้ โดยเฉพาะอาหารที่มีโปรตีนและมีธาตุเหล็ก เช่น ไข่ไก่ ปลา น้ำแกงเป็ดต้ม นมสด ลำไย เห็ดหูหนูขาว เป็นต้น 5. หลังการผ่าตัด ผู้ป่วยมักมีอาการเลี่ยนอาหาร ดังนั้นแม้จำเป็นต้องเสริมโปรตีนหลังการผ่าตัด แต่อาหารในระยะแรก ควรหลีกเลี่ยงของคาว เน้นอาหารรสจืด น้ำใส ย่อยง่ายก่อน อาหารผู้ป่วยมะเร็งลำไส้ที่ผ่านเคมีบำบัดแล้ว 1.
เสริมด้วยอาหารมีมีกากใยวันละมากกว่า 35 กรัม 6. ทานอาหารผลิตภัณฑ์จากถั่ว เช่น ถั่วเขียว ถั่วแปบ ถั่วแขก ผักสด ผลไม้สด สาหร่าย ให้มาก 7. ใช้ธัญพืชแทนอาหารแปรรูป อาหารขัดฟอกขาว 8. ทานผักผลไม้ที่อุดมด้วยวิตามินให้มาก โดยเฉพาะผักที่อุดมด้วยเบต้าแคโรทีน วิตามน ซี และ วิตามินอี เช่น แครอท มันเทศ ปวยเล้ง มะเขือเทศ กีวี ลูกเดือย 9. ควรทานจมูกข้าวสาลี ปลา เห็ดต่างๆ ที่อุดมด้วยแร่ธาตุ เช่น ซีเลเนียม 10. งดอาหารที่มีลักษณะกระตุ้น เช่น เหล้า พริก อาหารแห้งรสเผ็ดร้อน รับข้อมูลยาจีนที่ช่วยทำให้การรักษามะเร็งได้ผลดีและเร็วยิ่งขึ้น คลิกที่นี่ หรือโทร โทร. 02-264-2217-9 สมุนไพรจีน มีคุณสมบัติในด้านการบำรุงสุขภาพ และด้านการบำบัดรักษาโรค ปรับสมดุลร่างกายแบบองค์รวม และช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกัน ให้เกิดการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ร่างกายขับพิษ จัดการเซลล์ผิดปกติ ได้ดีขึ้น ช่วยฟื้นฟูสุขภาพ เพิ่มคุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่ผู้ป่วย ที่ถดถอยจากอาการของโรค หรือผลข้างเคียงจากการรักษา ปรึกษาผลิตภัณฑ์เทียนเซียน ** ต้องการปรึกษาเรื่องยาน้ำเทียนเซียน โปรดลงทะเบียนให้เจ้าหน้าที่ติดต่อกลับ
02-634-0225 (เวลาทำการ จ. -ศ. 9. 00-17. 00 น. ) (2) สั่งทางไลน์ (Line) Line id: @interpharma แอดไลน์ด่วน คลิก ==>%40interpharma วิธีรับประทาน: ทานวันละ 2 ซอง (เช้า-เย็น) โดยฉีกซองเทใส่ปาก หรือชงกับน้ำเย็น สามารถทานควบคู่กับยารักษาโรคลำไส้แปรปรวนได้ โดยทานให้ห่างกัน 30 นาที
กินผลไม้วันละ 2- 4 ส่วน โดย 1 ส่วนเท่ากับผลไม้ขนาดเท่าส้มผลกลาง 1 ผล ผลไม้ขนาดเท่าฝรั่งผลกลางครึ่งผล หรือผลไม้หั่นชิ้น 8 – 12 ชิ้นคำ เช่น สับปะรด มะละกอ 2. กินผักวันละ 3 – 5 ส่วน โดย 1 ส่วนเท่ากับผักสุกครึ่งถ้วยตวง หรือผักดิบ 1 ถ้วยตวง 3. กินธัญพืชไม่ขัดสีวันละ 6 – 11 ส่วน โดย 1 ส่วน เท่ากับข้าวกล้องหรือข้าวโอ๊ต 1 ทัพพี เมื่อปรับเปลี่ยนอาหารต่อเนื่อง 2 สัปดาห์จะช่วยให้ลำไส้สะอาด สามารถย่อยและดูดซึมสารอาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยแก้ปัญหาท้องผูก ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งลำไส้ รู้สึกตัวเบาและสดชื่นกระปรี้กระเปร่าอย่างบอกไม่ถูก บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ กินสารเร่งเนื้อเเดง (ตลาดเขียง) เสี่ยงโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ ป้องกัน ลำไส้อักเสบ ภูมิคุ้มกันตก FAMILY'S MISSION สู้มะเร็งลำไส้ใหญ่ จอมวายร้าย ประสบการณ์สุขภาพ: เป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ ทั้งๆที่ชอบกินผัก
หลัง จากนั้น, เจ้าสาร TMAO จะเข้าไปทำลายผนังหลอดเลือด ทำให้หลอดเลือดเป็นรูพรุน เสื่อมสภาพได้ง่าย เช่น ทำให้หลอดเลือดตีบตันเร็วขึ้น ฯลฯ. คนที่กินเนื้อแดงทุกวันมักจะมีแบคทีเรียกลุ่มที่ย่อยสลายสารจากเนื้อแดงสูงกว่าคนที่กินมังสวิรัติ หรือไม่กินเนื้อแดงทุกวัน. (2). อาหารจานด่วน ฟาสต์ฟูด หรืออาหารที่มีไขมันสูง น้ำตาลสูง (เช่น ชา-กาแฟแบบซื้อจะใส่น้ำตาลสูงมาก), เนื้อสำเร็จรูป. (3). เนื้อสำเร็จรูป. (4). อาหารไขมันสูง เส้นใยหรือไฟเบอร์ต่ำ. (5). อาหารที่มีธาตุเหล็กสูง หรือกินยาบำรุงเลือดที่มีธาตุเหล็กสูง. ข้อนี้พบบ่อยในคนที่กินเนื้อมาก กินเครื่องในสัตว์หรือตับมาก โดยเฉพาะฝรั่งหรือคนตะวันตก. คนไทยควรตรวจเลือดดูก่อนกินยาบำรุงเลือดที่มีธาตุเหล็ก. ถ้า มีโรคเลือดจางธาลัสซีเมีย ไม่ควรกินยาบำรุงเลือดที่มีธาตุเหล็ก เพื่อป้องกันการได้รับธาตุเหล็กมากเกิน ซึ่งเพิ่มเสี่ยงตับเสื่อม กล้ามเนื้อหัวใจเสื่อม. ถ้าเป็นโรคเลือดจางจากการขาด ธาตุเหล็ก (พบบ่อยในไทย และในผู้บริจาคเลือด), ควรกินยาบำรุงเลือดที่มีธาตุเหล็ก เฉลี่ยประมาณ 15 เม็ดต่อรอบบริจาคเลือดในผู้ชาย, 30 เม็ดต่อรอบบริจาคเลือดในผู้หญิง. การบริจาคเลือดเป็นประจำ เป็นวิธีป้องกันภาวะธาตุเหล็กในร่างกายสูงเกินที่ดีมาก.