Printers With Refillable Ink Tanks
๒๔๕๗ ได้เปลี่ยนชื่อ กองแผนที่ทะเล เป็น กองอุทกศาสตร์ทหารเรือ - พ. ๒๔๕๘ ส่งนายทหารเรือไทยไปเรียนการคำนวณ การสร้าง และการเขียนแผนที่ ที่ประเทศเดนมาร์ก - พ. ๒๔๖๐ กองอุทกศาสตร์ ย้ายมาขึ้นกับกรมเสนาธิการทหารเรือ - พ. ๒๔๖๑ เปลี่ยน กองอุทกศาสตร์ เป็นแผนกที่ ๗ ขึ้นกับกรมเสนาธิการทหารเรือ และตั้งกองช่างเขียน แผนที่ทะเลรวมอยู่ด้วย - พ. ๒๔๖๒ รับโอนกิจการกระโจมไฟและทุ่น จากกรมเจ้าท่ามาอยู่ในความดูแล - พ. ๒๔๖๒ ได้เข้าเป็นสมาชิกสภาสากลอุทกนิยม (International Hydrographic Bureau) - พ. ๒๔๖๔ เปลี่ยนชื่อ แผนกที่ ๗ เป็น กองอุทกศาสตร์ทหารเรือ และในปีนี้เอง คือ ใน ๑๖ ม. ค. ๒๔๖๔ ได้ยกขึ้นเป็นกรมอุทกศาสตร์ทหารเรือ ชาวอุทกศาสตร์ จึงถือเอาวันที่ ๑๖ มกราคม เป็นวันคล้ายวันสถาปนา กรมอุทกศาสตร์ มาจนถึงปัจจุบัน - พ. ๒๔๖๙ กรมอุทกศาสตร์ทหารเรือได้เริ่มดำเนินงานอุทกศาสตร์เองโดยคนไทยเองล้วน ๆ - พ. ๒๔๗๐ จัดส่งนายทหารเรือไปศึกษาวิชาอุทกศาสตร์ - พ. ๒๔๗๕ หลังจากเปลี่ยนแปลงการปกครอง กรมอุทกศาสตร์ทหารเรือ ได้ถูกลดลงมาเป็น กองอุทกศาสตร์ ทหารเรือ ขึ้นต่อกรมเสนาธิการทหารเรือ - พ. ๒๔๗๖ กองอุทกศาสตร์ทหารเรือได้รับการยกฐานะ ขึ้นเป็น "กรมอุทกศาสตร์" โดยไม่มีคำว่า "ทหารเรือ" ต่อท้ายมาจนทุกวันนี้ - พ.
5) ที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เจ้ากรมอุทกศาสตร์ท่านแรกของสยาม Captain Loftus จัดทำนาฬิกาแดดประดิษฐานไว้ที่ลานหน้าพระอุโบสถวัดนิเวศธรรมประวัติฯ บางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา นับเป็นนาฬิกาเรือนแรกของประเทศไทย และยังคงอยู่จนถึงปัจจุบัน ในส่วนของนาฬิกาข้อมือนั้น ถือกำเนิดในโลกในปี ค. ศ. 1806 เนื่องจากพระนางโยเซฟีน พระมเหสีของพระเจ้านโปเลียน มีความคำนึงถึงนาฬิกา เมื่อพระเจ้านโปเลียนทรงทราบจึงบัญชาให้ช่างทำนาฬิกาประดิษฐ์สร้างนาฬิกาแบบผูกข้อมือ เพื่อเป็นของขวัญแด่มเหสีของพระองค์ กลายเป็นนาฬิกาข้อมือเรือนแรกของโลก ค. 1947 หรือ พ. 2490 ผู้เขียนคอลัมน์นี้อายุได้ 6 ขวบ เริ่มจำความได้ชัดเจนว่า ที่ตลาดเจริญผล อำเภอบรรพตพิสัย จ. นครสวรรค์ มีร้านนาฬิกาขายแล้ว เป็นร้านของ "โกเก่ง" ชาวจีนไหหลำ เพื่อนของบิดาผู้เขียน ส่วนใหญ่จะขายนาฬิกาสวิตเซอร์แลนด์ ราคาปานกลางเรือนละ 400-500 จนถึง 1, 000 บาท อย่างแพงสุด นานๆจะขายได้สักเรือน แต่อาชีพหลักของโกเก่งคือซ่อมนาฬิกา ค. 1951 หรือ พ. 2494 ผู้เขียนคอลัมน์อายุ 10 ขวบ เริ่มอ่านหนังสือได้แตกฉาน สามารถไปอ่านหนังสือพิมพ์ในร้านกาแฟประจำตลาดได้แล้ว และพบว่านาฬิกาที่ดังที่สุดของประเทศไทยในปีดังกล่าวได้แก่ นาฬิกายี่ห้อ "มิโด้" มีเอเย่นต์ใหญ่อยู่ถนนเยาวราช ได้ข่าวว่าราคาแพงมาก เป็นที่นิยมของคนมีเงินยุคนั้น และฮิตจัดจนถึงกับคำว่า "มิโด้คู่" หรือ "มิโด้ 2 เรือน" กลายเป็นศัพท์สแลงในรายงานข่าวหน้า 1 หนังสือพิมพ์ หมายถึง กุญแจมือ ที่ตำรวจใช้ใส่ข้อมือผู้ต้องหา... ซึ่งในยุคนั้นจะพาดหัวข่าวหรือบรรยายใต้ภาพว่า... โจรอำมหิตถูกตำรวจล่าตัวได้แล้ว จับใส่ " มิโด ้คู่" (กุญแจมือ) พร้อมยัดเข้าห้องขังทันที ปี ค.