Printers With Refillable Ink Tanks
วิยะดากล่าว การตรวจพิสูจน์ซูโดอีเฟดรีน สามารถตรวจเบื้องต้นโดยใช้หลักการปฏิกิริยาการเกิดสี ด้วยน้ำยาเคมี ซึ่งซูโดอีเฟดรีนจะทำให้เกิดสีม่วง และทำการตรวจยืนยันผลทางห้องปฏิบัติการอีกครั้ง ที่ผ่านมาสำนักยาและวัตถุเสพติดได้ดำเนินการตรวจพิสูจน์ตัวอย่างของกลางซูโดอีเฟดรีนสูตรผสมที่ได้จากการจับกุมตั้งแต่ปี 2550-2554 ทั้งสิ้น 9 คดี จำนวน 107 ตัวอย่าง น้ำหนักรวมประมาณ 496 กิโลกรัม สำหรับอนาคตของการควบคุมการใช้ซูโดอีเฟดรีน ภญ. วิยะดา กล่าวว่า มีความเป็นไปได้อย่างมากที่ สธ. จะกำหนดให้ยาแก้หวัดที่มีซูโดอีเฟดรีนเป็นส่วนผสมเป็นวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 เช่นเดียวกับยาสูตรเดี่ยว โดยขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา หากผ่านความเห็นชอบจะนำกลับเข้าสู่คณะกรรมการวัตถุเสพติดและออกเป็นประกาศ สธ. ต่อไป................................. (เหตุไฉน!! 'ซูโดอีเฟดรีน' ถึงเป็นสารตั้งต้นยาเสพติด โดย... พวงชมพู ประเสริฐ)
Download No category คําขอซื้อวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 ( Pseudoephedrine) วันที หนังสือยินยอมให้ใช้รถยนต์ หนังสือยินยอมให้ใช้รถยนต์/รถจักรยานยนต์ CL_E322 - ไทยสมุทรประกันชีวิต ใบสั่งซื้ออาวุธ คําขอซื้อยาเสพติดให โทษในประเภท 2 รายงานการควบคุมกํากับตัวยาและสารเคมีที่อาจ พ. ศ. ๒๕๕๕ - กองกฏหมาย สำนักงานกฎหมายและคดี สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ประเภทสถานที่ด้านยาได้แก่ขายยาแผนปัจจุ ย้ายสถานที่ - กลุ่มงานคุ้มครองผู้บริโภค คําแนะนําของประชาชน เมื่ออัลปราโซแลม (alprazolam) ถู คําขอซื้อยาเสพติดให โทษในประเภท 2 (เฉพาะ ยา Morphine การยกเว นค าธรรมเนียมใบอนุญาต คําขอซื้อวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 กฎกระทรวงว่าด้วยการกำหนดลักษณะ ชนิด ประเภท และปริมาณของยาเสพติด แนวคิดวิทยานิพนธ์ - มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ พระราชบัญญัติ ยาเสพติดให โทษ พ. 2522 มติการประชุมคณะกรรมการควบคุมยาเสพติดให้โทษ ครั้งที่ 344 คําขอซื้อตั๋วสัญญาใช เงิน - ชุมนุมสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนแห่งประเทศไทย จำกัด ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ระบุชื่อและประเภทยาเสพติดให้โทษ พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ. 2522 แบบฟอร์มที่ 2
33 เม็ด
ระวังการใช้ยานี้ร่วมกับยาที่มีฤทธิ์กดระบบประสาทส่วนกลาง เช่น ยากลุ่ม Benzodiazepines ยาที่มีฤทธิ์แอนติโคลิเนอร์จิก และยาต้านอาการซึมเศร้าชนิดต่าง ๆ 9.
ห้ามใช้ในเด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี ผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ โรคเบาหวาน โรคต่อมไทรอยด์ ผู้ที่กำลังมีอาการหอบหืด โรคต้อหิน ต่อมลูกหมากโต หรือปัสสาวะขัด นอกจากแพทย์สั่ง 2. ไม่ควรใช้ยานี้ติดต่อกันเกิน 5 วัน 3. ยานี้ทำให้ง่วงซึม จึงไม่ควรขับขี่ยานยนต์หรือทำงานเกี่ยวกับเครื่องจักรกล หรือทำงานที่เสี่ยงต่อการพลัดตกจากที่สูง 4. ไม่ควรรับประทานร่วมกับสุรา หรือสิ่งที่มีแอลกอฮอล์เป็นส่วนประกอบ 5. ระวังการใช้ยานี้ในสตรีมีครรภ์ระยะ 3 เดือนแรกและสตรีให้นมบุตร คำเตือนในเอกสารกำกับยา 1. ห้ามใช้ในเด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี ผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ โรคเบาหวาน โรคต่อมไทรอยด์ ผู้ที่กำลังมีอาการหอบหืด โรคต้อหิน ต่อมลูกหมากโต หรือปัสสาวะขัด นอกจากแพทย์สั่ง 2. ไม่ควรใช้ยานี้ติดต่อกันเกิน 5 วัน 3. ไม่ควรรับประทานร่วมกับสุรา หรือสิ่งที่มีแอลกอฮอล์เป็นส่วนประกอบ 5. ระวังการใช้ยานี้ในสตรีมีครรภ์ระยะ 3 เดือนแรกและสตรีให้นมบุตร 6. ยานี้ทำให้ปากแห้ง ปัสสาวะขัด เสมหะเหนียวข้น ตาพร่า วิงเวียนและสับสนได้ 7. เด็กและผู้สูงอายุ จะไวต่อยานี้มากขึ้น ทำให้ง่วงนอน วิงเวียน ประสาทหลอน ปากแห้ง ปัสสาวะคั่ง ความดันโลหิตต่ำ หงุดหงิด นอนไม่หลับ และบางรายอาจมีอาการชักได้ ( Paradoxical reaction) 8.
นับเป็นเรื่องช็อก!!! วงการสาธารณสุขพอสมควร เมื่อกระทรวงสาธารณสุข (สธ. ) ตรวจสอบพบว่า เภสัชกรในโรงพยาบาลอุดรธานีและอุตรดิตถ์ มีการเบิกจ่ายยาแก้หวัดที่มีซูโดอีเฟดรีนเป็นส่วนประกอบในปริมาณมากผิดปกติ โดยรายแรกลักลอบส่งยากว่า 6 หมื่นเม็ดและรายที่ 2 สั่งซื้อมากกว่า 9 แสนเม็ด ที่น่าสงสัยเพราะซูโดอีเฟดรีนเป็นสารตั้งต้นในการผลิตยาเสพติด ซูโดอีเฟดรีน (Pseudoephedrine) เป็น 1 ใน 14 ของสารตั้งต้นที่ใช้ในการลักลอบผลิตยาเสพติดที่กำหนดตามอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านการลักลอบค้ายาเสพติดให้โทษและวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท ค. ศ. 1988 สามารถนำไปผลิตเป็นเมทแอมเฟตามีน หรือที่รู้จักในชื่อยาบ้า ยาไอซ์ ทำไมซูโดอีเฟดรีนถึงเป็นสารตั้งต้นในการผลิตยาเสพติด ภญ. ดร. วิยะดา อัครวุฒิ เภสัชกรชำนาญการพิเศษ สำนักยาและวัตถุเสพติด กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข อธิบายว่า เนื่องจากสูตรโครงสร้างทางเคมีของซูโดอีเฟดรีนมีความคล้ายคลึงอย่างมากกับเมทแอมเฟตามีน เมื่อผู้ร้ายนำไปเปลี่ยนแปลงบางอย่างก็ทำให้กลายเป็นเมทแอมเฟตามีน โดยซูโดอีเฟดรีนจะมีฤทธิ์ในการกระตุ้นประสาท ทางการแพทย์ซูโดอีเฟดรีนเป็นยาลดอาการคัดจมูก แก้หวัด โดยตำรับยาที่มีซูโดอีเฟดรีนแบ่งเป็น 2 ประเภท ได้แก่ 1.
ห้ามใช้ในเด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี ผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ โรคตับ โรคไต โรคเบาหวาน โรคต่อมไทรอยด์ ผู้ที่กำลังมีอาการหอบหืด โรคต้อหิน ต่อมลูกหมากโต หรือปัสสาวะขัด 2. ถ้าใช้ยานี้เกินขนาดที่ระบุไว้บนฉลากหรือเอกสารกำกับยา จะทำให้เป็นพิษต่อตับได้ และไม่ควรใช้ยานี้ ติดต่อกันเกิน 5 วัน 3. ยานี้ทำให้ง่วงซึม จึงไม่ควรขับขี่ยานยนต์หรือทำงานเกี่ยวกับเครื่องจักรกล หรือทำงานที่เสี่ยงต่อการพลัดตกจากที่สูง 4. ไม่ควรรับประทานร่วมกับสุรา หรือสิ่งที่มีแอลกอฮอล์เป็นส่วนประกอบ 1. ห้ามใช้ในเด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี ผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ โรคตับ โรคไต โรคเบาหวานโรคต่อมไทรอยด์ ผู้ที่กำลังมีอาการหอบหืด โรคต้อหิน ต่อมลูกหมากโต หรือปัสสาวะขัด 2. ถ้าใช้ยานี้เกินขนาดที่ระบุไว้บนฉลากหรือเอกสารกำกับยา จะทำให้เป็นพิษต่อตับได้ และไม่ควรใช้ยานี้ติดต่อกันเกิน 5 วัน 6. ยานี้ทำให้ปากแห้ง ปัสสาวะขัด เสมหะเหนียวข้น ตาพร่า วิงเวียนสับสนและเม็ดเลือดผิดปกติได้ 7. เด็กและผู้สูงอายุ จะไวต่อยานี้มากขึ้น ทำให้ง่วงนอน วิงเวียน ประสาทหลอน ปากแห้ง ปัสสาวะคั่งความดันโลหิตต่ำ หงุดหงิด นอนไม่หลับ และบางรายอาจมีอาการชักได้ ( Paradoxical reaction) การเก็บรักษา เก็บที่อุณหภูมิต่ำกว่า 30 องศาเซลเซียส [เพิ่มเติม 19 มกราคม พ.
ศ. 2531 ประเทศไทยเริ่มต้นควบคุม Pseudoephedrine โดยควบคุมเฉพาะที่เป็นเภสัชเคมีภัณฑ์เป็นวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 3 – พ. 2534 ได้มีการยกระดับการควบคุม Pseudoephedrine เฉพาะเภสัชเคมีภัณฑ์เป็นวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 และกำหนดการควบคุม Pseudoephedrine วัตถุตำรับเดี่ยวเป็นวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 3 – พ.
ศ.