Printers With Refillable Ink Tanks
7522 ดอลลาร์สหรัฐ ดอลลาร์ได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า เฟดจะเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ โดยโกลด์แมน แซคส์คาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0. 50% ในการประชุมเดือนพ. และมิ. ย. ทางด้านแบงก์ ออฟ อเมริกาคาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0. 50% ในการประชุมเดือนมิ. ย. และก. และจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0. 25% ในการประชุมทุกครั้งหลังจากนั้นถึงสิ้นปีนี้ นอกจากนี้ นักลงทุนยังเพิ่มการคาดการณ์ที่ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0. 50% ในการประชุมครั้งต่อไปในเดือนพ. ค. ทั้งนี้ FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 76. 8% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0. 50% ในการประชุมวันที่ 3-4 พ. เพิ่มขึ้นจากเดิมที่ระดับ 32. 9% เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ส่วนเงินเยนอ่อนค่าลง หลังจาก BOJ ได้เสนอซื้อพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่นประเภทอายุ 10 ปีแบบไม่จำกัดจำนวนเพื่อสกัดอัตราผลตอบแทนพันธบัตรไม่ให้พุ่งเหนือเป้าหมายที่ระดับ 0. 25% โดย BOJ ระบุว่าจะดำเนินมาตรการดังกล่าวจนถึงวันพฤหัสบดีนี้ ทั้งนี้ นักลงทุนพากันเข้าซื้อดอลลาร์และเทขายเยน เนื่องจากมองว่า BOJ ดำเนินมาตรการสวนทางกับเฟด ซึ่งจะทำให้ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสหรัฐและญี่ปุ่นปรับตัวกว้างขึ้น นักลงทุนจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนมี.
90 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือ -1.
ดัชนี S&P 500 (SP500): ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกา 'S&P 500' โดยคำนวณมาจากหุ้นใหญ่ 500 ตัว จากทั้ง NYSE และ Nasdaq โดยมูลค่าของบริษัทใน S&P 500 คิดเป็น 80% ของมูลค่าตลาดหุ้นในสหรัฐอเมริกาทั้งหมด และถือว่าเป็นดัชนีที่แสดงภาพรวมของตลาดและเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาโดยรวมได้ดีที่สุด 2. ดัชนี Nasdaq 100 (NQ100): จากเดิมที่เคยเป็นตลาดหุ้นขนาดเล็กมาก่อน และสหรัฐอเมริกามีลักษณะพิเศษอย่างหนึ่งก็คือ เป็นตลาดที่มีบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่เป็นจำนวนมาก และส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของทั้งตลาดได้ จึงได้มีการพัฒนาดัชนี "NASDAQ 100" ซึ่งวัดเฉพาะแค่มูลค่าของบริษัทจดทะเบียน 100 บริษัทที่เป็นบริษัทในอุตสาหกรรม "เทคโนโลยี" ที่ใหญ่ที่สุด ดังนั้นหากจะดูในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ก็จะดูแค่ดัชนี NASDAQ 100 ก็เพียงพอแล้ว 3. ดัชนี Dow Jones 30 (DJI30): ถือว่าดัชนีเก่าแก่ที่สุดในตลาดหุ้นสหรัฐ ดัชนีนี้จะถูกคำนวณจากราคาของหุ้นบริษัทขนาดใหญ่ที่มีผลการดำเนินงานมั่นคง "ดัชนีดาวโจนส์" หรือที่เรียกว่า "ดาวโจนส์ 30" โดยจะวัดมูลค่าเฉพาะ 30 บริษัทที่ประเมินแล้วว่าเป็นบริษัที่สำคัญของเศรษฐกิจอเมริกานั่นเอง และนอกจากนี้ตลาดหุ้นอเมริกายังมี "ตลาดเฉพาะทาง" ที่เป็นตลาดทางการเงินเพื่อสนับสนุนเครื่องมือเพิ่มเติมหรือตราสารอนุพันธ์ หรือตราสารที่มีความซับซ้อนอื่นๆ เช่น AMEX ซึ่งจะเป็นตลาดสำหรับซื้อขายกองทุน ETF โดยเฉพาะ หรือตลาด CBOE, CBOT และ CME ที่ถือเป็นว่าศูนย์กลางในการเทรดฟิวเจอร์ส(Future) เวลาเปิดปิดของ ตลาดหุ้นอเมริกา เปิด 7.
81 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลหลังจากปรับขึ้นไปแตะที่ 100. 54 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลก่อนหน้านั้น ขณะที่ในเอเชีย ราคาน้ำมันอ้างอิงสหรัฐปรับเพิ่มขึ้นไปที่ 95. 26 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบเบรนต์ ปรับเพิ่มไปที่ 101. 4 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล สำหรับราคาทองคำเอ็กซ์เอยู ราคาปรับตัวลงเล็กน้อยที่ 0. 4 เปอร์เซ็นต์ ไปอยู่ที่ 1, 910. 96 ดอลลาร์สหรับต่อออนซ์ หลังจากก่อนหน้านี้ปรับตัวขึ้นทำสถิติสูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนกันยายนปี 2020 ที่ 1, 973. 96 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ด้านราคาคริปโทเคอร์เรนซี ในวันเดียวกันนี้ปรับตัวกลับมาในแดนบวกโดยบิตคอยน์ ปรับตัวกลับมาที่ 38, 400 ดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 8 เปอร์เซ็นต์ หลังจากก่อนหน้านี้ร่วงลงไปต่ำที่สุดในรอบเดือน ด้านเหรียญอีเธอเรียม ปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง 9. 6 เปอร์เซ็นต์ มาอยู่ที่ 2, 611 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ โซลานา ปรับตัวขึ้น 7 เปอร์เซ็นต์ มาอยู่ที่ 88. 17 ดอลลาร์สหรัฐ เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line @Matichon ได้ที่นี่
ค. นี้ ท่ามกลางกระแสคาดการณ์ที่ว่า คณะกรรมการเฟดอาจประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้ ด้านโกลด์แมน แซคส์, ซิตี้กรุ๊ป และแบงก์ ออฟ อเมริกาคาดการณ์ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 7 ครั้งในปีนี้ โดยปรับขึ้นครั้งละ 0. 25% ซึ่งจะส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยของเฟดพุ่งแตะ 1. 75-2. 00% ในปลายปีนี้ จากปัจจุบันที่ระดับ 0. 00-0. 25% นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ด้วย ซึ่งได้แก่ ดัชนีราคาบ้านเดือนธ. จากเอสแอนด์พี/เคส-ชิลเลอร์, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นต้นเดือนก. จากมาร์กิต, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นต้นเดือนก. จากมาร์กิต ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก. จาก Conference Board, จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 4/2564 (ประมาณการครั้งที่ 2) ยอดขายบ้านใหม่เดือนม. ค., ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนม. ค., ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนม. ค., ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนม. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก. จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน