Printers With Refillable Ink Tanks
ทะเลสาบโบซัมทวี (Lake Bosumtwi Crater) ทะเลสาบโบซัมทวี อยู่ทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ห่างจากเมืองคุมาชี ประเทศกานา ประมาณ 30 กิโลเมตร ทะเลสาบนี้มีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 10. 5 กิโลเมตร น้องๆ ต้องสงสัยแน่ๆ ว่านี่มันทะเลสาปชัดๆ เป็นหลุมอุกกาบาตได้ยังไง ความจริงแล้วนักดาราศาสตร์คาดกันว่าเป็นหลุมที่เกิดจากการพุ่งชนของดาวหางหรือดาวเคราะห์น้อย ประมาณ 1. 3 ล้านปีก่อน แต่ปัจจุบันหลุมอุกกาบาตได้กลายเป็นแอ่งน้ำทะเลสาบอย่างที่เห็นจ้า 3. หลุมอุกกาบาตออร์รองกา (Aoroung) หลุมอุกกาบาตออร์รองกา อยู่บริเวณทะเลทรายซาฮาราทางเหนือสาธารณรัฐแชดในทวีปแอฟริกา มีลักษณะเป็นแอ่งวงแหวน ตรงกลางเป็นหลุมและเป็นแนวสันของหินและทราย เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 17 กิโลเมตร หลุมนี้คาดว่าอายุไม่เกิน 350 ล้านปี 4. หลุมอุกกาบาตโกชิส บลัฟฟ์ (Gosses Bluff Crater) หลุมอุกกาบาตโกชิส บลัฟฟ์ ตั้งอยู่ตอนเหนือของประเทศออสเตรเลีย หลุมนี้มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 24 กิโลเมตรและลึก 5 กิโลเมตรค่ะ (ลึกมาก) ดูจากรูปภาพแล้วจะเห็นได้ว่าเป็นหลุมอุกกาบาตที่มีโครงสร้างซับซ้อน ซึ่งเป็นตัวอย่างที่เห็นได้ชัดถึงการถูกกัดกร่อนด้วยกระบวนการทางธรณีวิทยา 5.
ในเดือนกุมภาพันธ์ปี 2013 ได้เกิดเหตุอุกกาบาตขนาด 20 เมตร น้ำหนักกว่า 12, 000 ตัน พุ่งผ่านเมืองเชลยาบินสก์ ประเทศรัสเซียด้วยความเร็ว 60, 000 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และเกิดระเบิดกลางอากาศที่ระดับความสูง 29. 7 กิโลเมตร ส่งผลให้ตึกรามบ้านช่องได้รับความเสียหาย ชาวบ้านราว 1, 000 คนได้รับบาดเจ็บ แรงระเบิดของมันรุนแรงกว่าระเบิดปรมาณูที่ถล่มฮิโรชิม่าถึง 30 เท่า และรุนแรงที่สุดในรอบ 100 ปี นับตั้งแต่อุกกาบาตทันกัสก้าเมื่อปี 1908 แต่ถ้าหากคุณคิดว่าอุกกาบาตลูกนี้จะติดอันดับของเราล่ะก็ คุณคิดผิด เพราะถ้าไปเทียบกับอุกกาบาตที่ใหญ่ที่สุดที่เคยเกิดขึ้นบนโลกใบนี้ เจ้าเด็กน้อยเชลยาบินสก์ จะมีขนาดเล็กจิ๋วไปทันที วันนี้เพชรมายาจึงขอพามา 10 หลุมอุกกาบาต ที่เกิดจากการชนที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ มาดูกันว่าแต่ละหลุมจะอลังการงานสร้างแค่ไหน 1. หลุมอุกกาบาต Vredefort หลุมอุกกาบาตที่เก่าแก่ที่สุดและใหญ่ที่สุดบนโลกใบนี้ โดยอยู่แอฟริกาใต้ โดยถูกเรียกว่า Vredefort Dome ซึ่งแต่เดิมมันมีขนาดกว้างถึง 300 กิโลเมตร ซึ่งอุกกาบาตลูกนี้ถูกขาดว่าใหญ่กว่าภูเขาเทเบิลในแอฟริกาใต้ ซึ่งพุ่งเข้าชนโลกราว 2. 02 พันล้านปีที่แล้ว 2. หลุมอุกกาบาต Sudbury อยู่ในออนทาริโอ แคนาดา ซึ่งมีความกว้างถึง 130 กิโลเมตร โดยมีอายุราว 1.
1892 และได้รับความช่วยเหลือจากชาวบ้านพื้นเมืองในการขุดค้น ทำให้มันถูกตั้งชื่อตามชุมชนที่ขุดพบ และปัจจุบันมันก็ถูกจัดแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ Centro de Ciencias de Sinaloa ในเมืองคูเลียคัน ประเทศเม็กซิโก ภาพจาก Meteorite Art ภาพจาก Meteorite Art 3. อุกกาบาตอาห์นิกิโต จุดที่ตก: ประเทศกรีนแลนด์ ขนาด 12. 1 เมตร น้ำหนักโดยประมาณ 31 ตัน อาห์นิกิโต เป็นชิ้นส่วนที่ใหญ่ที่สุดของอุกกาบาตเคป ยอร์ก และยังถือเป็นก้อนอุกกาบาตที่มีน้ำหนักมากที่สุดที่มนุษย์ได้ทำการขุดค้นเคลื่อนย้ายด้วย นักวิทยาศาสตร์พยายามตามหาอุกกาบาตก้อนนี้ตามคำร่ำลือเรื่องแหล่งแร่เหล็กของชาวอินุ นับตั้งแต่ปี ค. 1818 จนกระทั่งในปี ค. 1984 โรเบิร์ต อี เพียรี นักสำรวจมหาสมุทรอาร์กติกชาวอเมริกันก็ค้นพบมันในที่สุด แต่ด้วยขนาด 12. 1 เมตร และน้ำหนักถึง 31 ตัน ทำให้การแค่จะเคลื่อนย้ายมันจากจุดที่พบไปขึ้นเรือ ก็ใช้เวลาไปถึง 3 ปี และในที่สุดมันก็ถูกขายให้กับพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติอเมริกา และอยู่ที่พิพิธภัณฑ์แห่งนี้มาจนถึงปัจจุบัน ภาพจาก VSmithUK ภาพจาก Meteorite Recon 2. อุกกาบาตเอล คาโก จุดที่ตก: ประเทศอาร์เจนตินา น้ำหนักโดยประมาณ 37 ตัน เอล คาโก เป็นชิ้นส่วนอุกกาบาตแร่เหล็กที่ใหญ่ที่สุดของกลุ่มอุกกาบาตคัมโบ เดล เชโล ที่ตกลงในพื้นที่ชื่อเดียวกัน ในประเทศอาร์เจนตินา จุดที่ตกกลายเป็นหลุมยุบขนาดถึง 60 ตารางกิโลเมตร โดยที่เอล คาโก มีน้ำหนักถึง 37 ตัน ถูกจัดว่าเป็นวัตถุจากนอกโลกที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 เท่าที่มีการค้นพบมา ก้อนอุกกาบาตเอล คาโก ถูกค้นพบระบุตำแหน่งได้จากเครื่องตรวจจับโลหะ ในปี ค.
หิน 2. เหล็ก 3.